นายทนง พิทยะ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่ในระดับที่ใกล้จะถึงจุดสูงสุดแล้ว โดยปัจจุบันอยู่ที่ 4.75% ทำให้อัตราดอกเบี้ยของไทยอยู่ในระดับสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซียและสิงคโปร์แล้ว เงินทุนต่างชาติจึงไหลเข้ามาลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ อัตราส่วนราคาต่อผลกำไร หรือพีอี ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็ยังอยู่ในระดับต่ำ จึงทำให้มีความชัดเจนมากขึ้นในการที่จะตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
ตอนนี้มีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น จนทำให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้นตามไปด้วย แต่ก็ไม่น่าเป็นห่วง เพราะ ธปท.ยืนยันว่าค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นเป็นการปรับตัวตามกลไกของตลาด ที่จะต้องสอดคล้องกับการนำเข้าและส่งออก เพราะค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะมีส่วนช่วยทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดลดลงได้ ที่สำคัญเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาลงทุนนั้น เป็นเงินลงทุนทั้งในทางตรงและทางอ้อม ไม่ได้เป็นการเงินระยะสั้นที่เข้ามาเก็งกำไร ซึ่งคาดว่า ธปท.น่าจะปรับค่าเฉลี่ยของเงินบาทจากเดิมอยู่ที่ 39-40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แต่จะเป็นตัวเลขที่เท่าใดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ ธปท.
นายสมชัย สัจจพงษ์ โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สิ่งที่กระทรวงการคลังเป็นห่วงมากที่สุดคือ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ธปท.ที่จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ ธปท.จึงต้องระมัดระวังเรื่องดังกล่าวเพราะสมมุติฐานที่กระทรวงการคลังตั้งไว้คือ อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท.อยู่ที่ 5% ราคาน้ำมันอยู่ที่ 58-60 บาร์เลนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้ปัจจัยทางด้านราคาน้ำมันยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ยังอยู่ในสมมุติฐานที่กระทรวงการคลังยังคุมได้.
|