Home | About Us | Register Consultant | Contact Us | News | Consultant List | Administrator
All News


  • Topic :
  • Title :





  • Topic : x
  • Title : x

    xxxx




  • Topic : New style of Thaiconsultings.com
  • Title : New style of WEBSITE

    NOW ......YOU CAN SEE NEW LOOK OF THAICONSULTINGS.COM WEBSITE AND HAVE NEW SERVICE ABOUT ISO .......INTEREST PLEASE CONTACT O8-400-11-800  .....THANK YOU...



  • Topic : ดันกองทุนน้ำมัน
  • Title : ถือหุ้นแหล่งพลังงานโลก สนพ.ฝันสยบราคาผันผวน





    นายเมตตา บันเทิงสุข ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและสหรัฐอเมริกาต่อโครงการผลิตนิวเคลียร์ นับเป็นตัวแปรหลักอาจนำพาไทยก้าวไปสู่วิกฤติพลังงานครั้งที่ 4 หากเกิดการใช้กำลังทางทหารขึ้นมา เพราะหากไม่สามารถเจรจาอย่างรอมชอม แต่กลับนำไปสู่ความรุนแรง ก็จะส่งผลต่อปริมาณน้ำมันดิบที่จะหายไปมากกว่า 8 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพราะอิหร่านถือเป็นผู้ผลิตรายใหญ่รองจากซาอุดีอาระเบีย และยังจะมีผลต่อการขนส่งน้ำมันในบริเวณรอบอ่าวเปอร์เซียอีกค่อนข้างมาก



     



    “ถ้ามองแบบรุนแรง ก็อาจจะกระทบไปถึงการขนส่งน้ำมันรอบอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเส้นทางขนน้ำมันจากตะวันออกกลางทั้งคูเวต ดูไบ ซึ่งจะทำให้น้ำมันทั้งแพงและอาจขาดแคลนได้เช่นกัน แต่เชื่อว่าทุกฝ่ายคงไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น และคงมีการไกล่เกลี่ยกันในที่สุด แต่ระยะสั้นยอมรับว่าข่าวเช่นนี้มีผลให้เกิดการเก็งกำไร ราคาน้ำมันจะยังทรงตัวระดับสูงจนกว่าเหตุการณ์จะคลี่คลาย”




     


    นายเมตตากล่าวว่า การรองรับปัญหาน้ำมันแพง จะต้องพึ่งพิงแหล่งพลังงานอื่นๆ ทั้งพลังงานทดแทน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติที่มีราคาต่ำกว่าน้ำมัน ดังนั้น ช่วงนี้รัฐบาลจะเร่งผลักดันการใช้ก๊าซเอ็นจีวี ในภาคขนส่งและรถยนต์ให้มากขึ้น ระยะยาวก็จะปรับยุทธศาสตร์พลังงานของชาติใหม่ เพื่อลดการพึ่งพาน้ำมันจากต่างประเทศ โดย สนพ.จะมีการนำเสนอให้กระทรวงพลังงานเห็นชอบ ก่อนเสนอรัฐบาลใหม่พิจารณา อาทิ การนำเงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยจะให้กองทุนน้ำมันเข้าไปมีบทบาทในเชิงรุกมากขึ้น หลังจากใช้หนี้จากการตรึงราคาน้ำมันก่อนหน้านี้ที่เหลืออีก 70,000 ล้านบาทที่จะหมดลงใน 2 ปีข้างหน้า ด้วยการให้กองทุนน้ำมันเข้าไปลงทุนในกิจการพลังงานทั้งในและต่างประเทศซึ่งอาจให้บริษัท ปตท.สผ.เข้ามาบริหารเพราะมีความชำนาญในเรื่องแหล่งพลังงานทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งถือเป็นการปรับบทบาทของกองทุนให้เป็นเชิงรุกมากขึ้น จากเดิมที่กองทุนนี้เป็นเพียงเครื่องมือเพื่อรองรับวิกฤติด้านราคาน้ำมันเท่านั้น



     



    “ในต่างประเทศก็มีกองทุนน้ำมันเหมือนไทย แต่ต่างจากไทยเพราะไทยใช้เพื่อชดเชยราคาก๊าซหุงต้มหรือตรึงราคาน้ำมัน ในขณะที่ต่างประเทศใช้เพื่อเป็นแหล่งระดมเงินทุน ไปลงทุนซื้อหุ้นในกิจการบริษัทน้ำมันของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน หรือเข้าไปร่วมทุนกับประเทศผู้ผลิตน้ำมันทั่วโลกเพื่อสำรวจขุดเจาะน้ำมันมาใช้ ซึ่งเมื่อมีการร่วมทุนกัน ก็จะได้สิทธิซื้อน้ำมันในราคาของการร่วมลงทุน ต่างจากประเทศที่ต้องนำเข้าน้ำมันทั่วๆไปที่ต้องซื้อในราคาตลาดโลก”



     



    นายเมตตากล่าวว่า สำหรับวิกฤติน้ำมันของไทยครั้งที่ 1 เป็นช่วงปี 2516-2518 เป็นการสู้รบระหว่างอิสราเอล อียิปต์ และซีเรีย ใช้น้ำมันเป็นเครื่องมือในการต่อรองทำให้ราคาน้ำมันสูง ครั้งที่ 2 ปี 2522-2524 เกิดสงครามกลางเมืองอิหร่าน มีการจำกัดโควตาน้ำมัน ทำให้ทั้งราคาแพงและขาดแคลน ครั้งที่ 3 ปี 2546-2547 น้ำมันราคาแพงเพราะเกิดจากวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 ทั่วโลก เศรษฐกิจซบเซา โรงกลั่นผลิตน้ำมันได้น้อยเมื่อเทียบกับความต้องการใช้ และกองทุนเก็งกำไรข้ามชาติก็เข้ามากว้านซื้อเพื่อเก็งกำไร



     


    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ได้ตัดสินใจตรึงราคาขายปลีกน้ำมันต่อไปอีก จากเดิมที่คาดว่าเมื่อวานนี้ (19 เม.ย.) ปตท.อาจปรับขึ้นราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลอีก 40 สต.ต่อลิตรให้เท่ากับผู้ค้ารายอื่น ทั้งนี้ สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดนิวยอร์กของสหรัฐอเมริกายังคงมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยในช่วงเช้าของวานนี้ ราคาส่งมอบเดือน พ.ค.อยู่ที่ 70.99 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ลดลงจากวันก่อนที่ทำสถิติ 71.60 เหรียญ สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค.ปีก่อนที่ราคา 70.85 เหรียญ.




  • Topic : คลังหวั่นดอกเบี้ยกระชากเศรษฐกิจ
  • Title : ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่ในระดับที่ใกล้จะถึงจุดสูงสุดแล้ว








    นายทนง พิทยะ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่ในระดับที่ใกล้จะถึงจุดสูงสุดแล้ว โดยปัจจุบันอยู่ที่ 4.75% ทำให้อัตราดอกเบี้ยของไทยอยู่ในระดับสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซียและสิงคโปร์แล้ว เงินทุนต่างชาติจึงไหลเข้ามาลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ อัตราส่วนราคาต่อผลกำไร หรือพีอี ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็ยังอยู่ในระดับต่ำ จึงทำให้มีความชัดเจนมากขึ้นในการที่จะตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย



     



    “ตอนนี้มีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น จนทำให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้นตามไปด้วย  แต่ก็ไม่น่าเป็นห่วง  เพราะ ธปท.ยืนยันว่าค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นเป็นการปรับตัวตามกลไกของตลาด ที่จะต้องสอดคล้องกับการนำเข้าและส่งออก เพราะค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะมีส่วนช่วยทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดลดลงได้  ที่สำคัญเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาลงทุนนั้น เป็นเงินลงทุนทั้งในทางตรงและทางอ้อม ไม่ได้เป็นการเงินระยะสั้นที่เข้ามาเก็งกำไร  ซึ่งคาดว่า ธปท.น่าจะปรับค่าเฉลี่ยของเงินบาทจากเดิมอยู่ที่ 39-40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แต่จะเป็นตัวเลขที่เท่าใดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ ธปท.”




     


    นายสมชัย สัจจพงษ์ โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สิ่งที่กระทรวงการคลังเป็นห่วงมากที่สุดคือ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ธปท.ที่จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ ธปท.จึงต้องระมัดระวังเรื่องดังกล่าวเพราะสมมุติฐานที่กระทรวงการคลังตั้งไว้คือ อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท.อยู่ที่ 5% ราคาน้ำมันอยู่ที่ 58-60 บาร์เลนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้ปัจจัยทางด้านราคาน้ำมันยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ยังอยู่ในสมมุติฐานที่กระทรวงการคลังยังคุมได้.






  • Topic : ถกเครียดกรอบงบประมาณปี 2550
  • Title : กระทรวงการคลังจะเสนอกรอบงบประมาณรายจ่ายปี 2550 ให้ที่ประชุม ครม.รักษาการ






    นายสมชัย สัจจพงษ์ โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันนี้ (18 เม.ย.)  กระทรวงการคลังจะเสนอกรอบงบประมาณรายจ่ายปี 2550 ให้ที่ประชุม ครม.รักษาการรับทราบตามปฏิทินงบประมาณ ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์เดิมที่วงเงิน 1.476 ล้านล้านบาท หลังจากที่ได้หารือกับ 3 กรมจัดเก็บภาษีคือ กรมสรรพากร กรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต พร้อมด้วยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทุกหน่วยงานเห็นตรงกันว่าจะไม่มีการปรับลดเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ลงแต่อย่างใด



     



    ทั้งนี้ การประมาณการรายได้ในงบประมาณปี 2550 คำนวณมาจากฐานการจัดเก็บรายได้ในปี 2549 ที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1.36 ล้านล้านบาท และในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2549 ก็สามารถจัดเก็บรายได้เกินกว่าเป้าหมายแล้ว 8,000 ล้านบาท และในเดือน เม.ย.นี้ จะมีรายได้จาก บมจ.ปตท.ที่จ่ายเงินปันผลให้กระทรวงการคลังอีกประมาณ 13,000 ล้านบาท และยังมีรายได้จากภาษีเงินได้บุคคลที่เหลือบางส่วน รวมทั้งในเดือน พ.ค. คาบเกี่ยวเดือน มิ.ย.จะมีรายได้จากภาษีนิติบุคคลอีกไม่ต่ำกว่า 200,000 ล้านบาท และเดือน ส.ค.คาบเกี่ยวเดือน ก.ย.จะมีรายได้จากภาษีนิติบุคคลครึ่งปีแรกของปี 2549 รวมถึงรายได้จากส่วนราชการอื่นและรัฐวิสาหกิจอีก ทำให้มั่นใจได้ว่าการจัดเก็บรายได้ปี 2549 เป็นไปตามเป้าหมาย ดังนั้นเมื่อฐานรายได้ปี 2549 ไม่เปลี่ยนแปลงก็ไม่มีเหตุการณ์ใดๆ ต้องเปลี่ยนประมาณการรายได้ในปีงบประมาณ 2550




     


    นายสมชัยกล่าวว่า การประมาณการรายได้ในปี 2550 ที่จำนวน 1.476 ล้านล้านบาท ตั้งอยู่บนสมมุติฐานว่าเศรษฐกิจขยายตัวในระดับ 5.5-6.5% และอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ระดับ 3.5% และยังสามารถจัดทำงบประมาณแบบสมดุลได้ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน แม้ว่าการเบิกจ่ายงบประมาณในปี 2550 อาจล่าช้าออกไปประมาณ 1 เดือน จากสถานการณ์การเมือง แต่จะไม่มีปัญหาเพราะสามารถนำเงินงบประมาณในปี 2549 มาใช้แทนไปก่อนได้โดยไม่ผิด พ.ร.บ.งบประมาณ



     


     

    ส่วนการปรับปรุงการนำส่งรายได้ของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจต่างๆ นายสมชัยกล่าวว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือผูกพันกับการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลหรือฐานะเงินคงคลัง เพราะได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้แล้ว และจะเห็นว่ารายได้ทั้งหมดของรัฐบาลก็มาจากภาษี 90% ที่เหลืออีก 10% มาจากการนำส่งรัฐวิสาหกิจและส่วนราชการอื่น แสดงให้เห็นว่าสัดส่วนเพียง 10% ไม่ได้ช่วยทำให้ฐานะการคลังดีขึ้นมาก.

     


     





  • Topic : พาเหรดขึ้นดอกฝากกระหน่ำ
  • Title : แบงก์ใหญ่หวั่นเงินไหลออกเปิดศึกชิงลูกค้า

    นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้เปิดบริการเงินฝากประจำพิเศษเพื่อเพิ่มทางเลือกในการออมเงินให้แก่ลูกค้าธนาคาร โดยเงินฝากประจำพิเศษมีอายุ 8 เดือน จ่ายดอกเบี้ยทุกเดือนในอัตรา 4.50% ต่อปี ซึ่งลูกค้าทั้งรายใหม่และเก่าสามารถฝากตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป ทั้งนี้ จะรับฝากตั้งแต่ 22 มี.ค.-21 เม.ย.นี้ ซึ่งจะสามารถระดมเงินฝากประจำได้ 30,000 ล้านบาท


    สำหรับการจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือนจะโอนเข้าบัญชีออมทรัพย์หรือกระแสรายวันที่มีชื่อบัญชีเดียวกัน ณ สาขาใดของธนาคารก็ได้โดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ หากมีการไถ่ถอนเงินฝากก่อน 3 เดือนนับจากวันที่ฝากจะไม่ได้รับดอกเบี้ย และหากถอนหลัง 3 เดือน จะได้รับอัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ ทั้งนี้ หากมียอดเงินคงเหลือบางส่วนที่ฝากต่อจนครบกำหนด ยอดเงินที่เหลืออยู่ก็จะยังคงได้รับอัตราดอกเบี้ย 4.50%


    “เงินฝากประจำพิเศษ 8 เดือนนี้ จะเป็นการเพิ่มทางเลือกสำหรับลูกค้าที่ออมเงินไว้ในบัญชีเงินฝากประเภทอื่น หรือฝากไว้กับสถาบันการเงินอื่น รวมทั้งลงทุนในตราสารหรือกองทุนต่างๆ แต่มีความต้องการฝากเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงเป็นพิเศษ และได้รับดอกเบี้ยตอบแทนทุกเดือน มั่นคงและมีสภาพคล่องสูง”


    นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์เงินฝากธนาคารกรุงไทยครบรอบ 40 ปี ซึ่งเป็นเงินฝากประจำ 9 เดือน อัตราดอกเบี้ย 4.25% กำหนดระยะเวลารับฝาก 1-24 มี.ค. โดยรับฝากจนถึง 20 มี.ค. ได้มีเงินฝากเข้ามาแล้ว 51,000 ล้านบาท คาดว่าเมื่อถึงวันที่ 24 มี.ค. จะมียอดเงินฝากเข้ามาประมาณ 60,000 ล้านบาท จากเป้าที่ตั้งไว้ 20,000 ล้านบาท  


    “ปัจจุบันกรุงไทยมีสภาพคล่องส่วนเกินอยู่ 60,000 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอยังไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ย หากธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่แห่งใดปรับขึ้นดอกเบี้ย ธนาคารก็จะปรับขึ้นดอกเบี้ยตาม เพื่อระดมเงินฝากมากขึ้น เกิดจากสภาพคล่องส่วนเกินของธนาคารกลางและเล็กหมดลง ทำให้ต้องระดมเงินฝาก และทำให้เงินฝากของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ไหลออก”


    นายธนชัย ธนชัยอารีย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบุคคลธนกิจธนาคารยูไนเต็ด โอเวอร์ซีส์ กล่าวว่า ธนาคารได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 0.25-0.50% และปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ 0.50% มีผลตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. 49 ทำให้อัตราดอกเบี้ยใหม่ เงินฝากประจำ 3 เดือน ปรับเป็น 2.75-3.75% เงินฝากประจำ 6 เดือน เป็น 3.00-4.00% เงินฝากประจำ 12 เดือน เป็น 3.50-4.25% เงินฝากประจำ 24 เดือน และ 36 เดือน ปรับเป็น 4.0-4.25% ส่วนดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (เอ็มแอลอาร์) ปรับขึ้นเป็น 7.80% ดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าเบิกเกินบัญชี (เอ็มโออาร์) 8.25% และดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าทั่วไป (เอ็มอาร์อาร์) ปรับขึ้นเป็น 8.50% 


    ด้านธนาคารทหารไทยกล่าวว่า ธนาคารเตรียมออกผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำ 8 เดือน ให้อัตราดอกเบี้ย 4.25% ต่อปี และจะมีการจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือนเช่นกัน โดยเริ่มรับฝากตั้งแต่ 20 มี.ค.-28 เม.ย.นี้ ซึ่งลูกค้าฝากเงินตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไป ถือเป็นอีกแบงก์ที่ระดมเงินฝากในรูปแบบดังกล่าว. 





  • Topic : ศึกดอกเบี้ยแบงก์ทำเงินฝากทะลักล้น!
  • Title : ธนาคารพาณิชย์ได้มีการแข่งขันระดมเงินฝาก ด้วยการออกผลิตภัณฑ์เงินฝากประเภทใหม่




    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่ธนาคารพาณิชย์ได้มีการแข่งขันระดมเงินฝาก ด้วยการออกผลิตภัณฑ์เงินฝากประเภทใหม่ ซึ่งเป็นเงินฝากประจำ 9 เดือน 8 เดือน และ 7 เดือน กำหนดจ่ายดอกเบี้ย 4.25-4.50% และกำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน ปรากฏว่ามีประชาชนสนใจนำเงินมาฝากจำนวนมาก และเมื่อธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ ได้เข้ามาแข่งขันด้วยการออกดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 10 เดือน ดอกเบี้ย 5.125% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในระบบ เปิดรับฝากตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.-30 เม.ย.นี้ ล่าสุดมีประชาชนนำเงินมาฝากแล้วประมาณ 80,000 ล้านบาท โดยคาดว่าเมื่อปิดรับฝากจะมียอดเงินฝากเข้ามาประมาณ 100,000 ล้านบาท ด้านนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เงินฝากประจำ 9 เดือน ดอกเบี้ย 4.25% ที่ปิดรับฝากไปแล้ว มียอดเงินฝาก 66,000 ล้านบาท ส่วนนายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เงินฝากประจำฉลองสงกรานต์ ซึ่งเป็นเงินฝากประจำประเภท 8 เดือน ดอกเบี้ย 4.50% คาดว่าเมื่อปิดแคมเปญจะมีเงินฝากประจำฉลองสงกรานต์ใกล้ๆกับ 20,000 ล้านบาท.




  • Topic : ปรับดอกเบี้ยอาร์พีไล่บี้เงินเฟ้อ
  • Title : ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรืออัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตรอีก 0.25%

    นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สายเสถียรภาพการเงิน กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ (10 เม.ย.ที่ผ่านมา) มีมติให้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรืออัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตรอีก 0.25% ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้ 4.75% จาก 4.5% ในการประชุมที่ผ่านมา




     


    ทั้งนี้ เนื่องจากพิจารณาแล้วว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากภาคการส่งออกที่ได้ดีตามภาวะเศรษฐกิจโลก และปัจจัยความวุ่นวายทางการเมืองไม่ได้มีผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจมากนัก ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในไตรมาสแรก แม้ว่าจะลดลงจากช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่เร็วพอ ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่แท้จริง ณ สิ้นเดือน มี.ค.ยังติดลบอยู่ 0.6% ธปท.จึงยังคงส่งสัญญาณอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นต่อไป จนกระทั่งอัตราเงินเฟ้อของประเทศเริ่มปรับตัวลงและอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่แท้จริงกลับขึ้นมาเป็นบวก หากอัตราเงินเฟ้อของประเทศปรับลงได้อย่างรวดเร็วก็จะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจ และจะส่งผลดีต่อการใช้จ่ายภาคเอกชนและการลงทุนภาคเอกชนให้กลับมาเร่งตัวได้เร็วขึ้น



     



    คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดเงินทั้งในและต่างประเทศที่อยู่ในสภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นและการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารไทยพาณิชย์จึงได้ทำการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากให้สูงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง โดยในครั้งนี้เป็นการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำระยะสั้น 3 เดือน และ 6 เดือน เงินฝากประจำระยะยาว 12 เดือน และ 24 เดือน โดยเพิ่มขึ้น 0.25% ต่อปี โดยเฉพาะลูกค้าเงินฝากประจำ 12 เดือน ที่มีวงเงินตั้งแต่ 3 ล้านขึ้นไปปรับขึ้นอีก 0.50% ต่อปี นอกจากนี้ ยังได้ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประเภทนิติบุคคลเพิ่มอีก 0.25% ต่อปี ขณะเดียวกัน ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมทุกประเภท เพิ่มขึ้น 0.25% ต่อปีเช่นกัน ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน 2549 เป็นต้นไป.





  • Topic : ลูกค้าเงินกู้แบงก์มีสิทธิ์ช็อกตาตั้ง
  • Title : ไทยพาณิชย์นำร่องปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ 0.25%

     


     


    นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีธนาคารไทยพาณิชย์นำร่องปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ 0.25% ว่า ธนาคารยังไม่มีการพิจารณาปรับขึ้นและจะมีการพิจารณาอีกครั้งหลังจากเทศกาลสงกรานต์ไปแล้ว เนื่องจากปัจจุบันธนาคารยังมีสภาพคล่องส่วนเกินอยู่ และในช่วงนี้ที่ธนาคารเปิดรับเงินฝากประจำ 10 เดือน ดอกเบี้ย 5.125% ทำให้มีเงินฝากไหลเข้าจึงยังไม่จำเป็นต้องรีบร้อนที่จะปรับดอกเบี้ยขึ้นตาม

     





    ด้านนายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า ธนาคารจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภทอีก 0.25% มีผลวันนี้ (12 เม.ย.) หลังจากธนาคารไทยพาณิชย์ได้ปรับขึ้นไปก่อนหน้านี้ ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินฝากนั้นธนาคารยังขอรอสถานการณ์ก่อน



     



    ขณะเดียวกัน ธนาคารกสิกรไทย นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า ได้ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์สำหรับนิติบุคคลพิเศษ ประเภทเงินฝากประจำ 3-36 เดือนขึ้นอีก0.25-0.50% มีผลตั้งแต่วันนี้ (12 เม.ย.) และยังได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภทเพิ่มขึ้นอีก 0.25%




     


    นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ธนาคารยังไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากยังมีสภาพคล่องส่วนเกินเหลืออยู่ โดยเฉพาะในช่วงที่ครบรอบ 40 ปีของธนาคารที่ออกเงินฝากประจำ 9 เดือนดอกเบี้ย 4.25% มีเงินฝากไหลเข้ามา 66,000 ล้านบาท แต่หลังจากธนาคารกรุงเทพออกเงินฝาก 10 เดือนดอกเบี้ย 5.125% ทำให้เงินฝากของธนาคารไหลออกบ้าง แต่เป็นจำนวนที่ไม่มากนัก อย่างไรก็ตามหากธนาคารพาณิชย์ใหญ่แห่งอื่นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ธนาคารก็พร้อมที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยตาม เพื่อเป็นการรักษาฐานลูกค้าไม่ให้เงินฝากไหลออก”.

  • THAICONSULTINGS ™   Copyrights © 2005 All Rights Reserved | Developed by softmarts
    softmarts@gmail.com  
    : จำนวนผู้เข้าชม 531,403 ท่าน